รีวิวหนังไทย แสงกระสือ 2 (2023)

แสงกระสือ 2 (2023) มาถึงอีกหนึ่งภาพยนต์ของไทยที่ได้นำเอาเรื่องราวกระสือสาวในตำนานที่ว่าด้วยความรักระหว่างคนกับกระสือมาสร้างสรรค์ให้ออกมาในแนวโรแมนติกที่ผสมผสานกับความระทึกขวัญได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งภาพยนต์เรื่อง “แสงกระสือ”ก็ได้สร้างชื่อเสียงจนประสบความสำเร็จมาแล้วในภาคแรก ซึ่งในปี 2566 ก็จะเป็นการสร้างภาค 2 โดยการร่วมมือของสองค่ายอย่าง เนรมิตรหนัง ฟิล์ม กับ ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม ที่กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของตำนานกะสือสาวให้สนุกเข้มข้น และพร้อมที่จะมามอบความประทับใจให้แฟนๆที่รอดูผลงานในวันที่ 30 มีนาคม 2566 นี้ ในโรงภาพยนต์

แสงกระสือ 2 (2023)

ภาพยนต์เรื่อง “แสงกระสือ 2” เป็นการกำกับของ “ ดี้-ปภังกร ปุญจันทรักษ์” ที่ได้นักแสดงนำโดย นิ้ง (ชัญญา แม็คคลอรี่ย์) และ เจเจ (กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) มารับบทตัวละครหลักของเรื่อง พร้อมกับนักแสดงที่เข้ามาเสริมทัพอย่าง น้อย (กฤษดา สุโกศล แคลปป์), เอม (ภูมิภัทร ถาวรศิริ) และ โจ (คัมมินส์) สำหรับภาคที่2 นี้ก็จะเป็นการสานต่อความสนุกที่หลายๆคนรอคอยกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งผู้กำกับได้พูดถึงไอเดียของเรื่องนี้ว่า จะมีการนำเสนอพร้อมกับสื่อสารให้เด็กวัยรุ่นในยุคใหม่ได้รู้เรื่องราวของตำนานกระสือว่ามีอยู่จริงโดยการบอกเล่าถึงเรื่องราวของ “สาว” รับบทโดย(นิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์) ที่ได้รับการถ่ายทอดเชื้อสายกระสือมาตั้งแต่ยังเด็กร่างกายของเธอจึงเปลี่ยนไป

แสงกระสือ 2 (2023)

ซึ่งทำให้ “น้อย” รับบทโดย(กฤษดา สุโกศล แคลปป์) หรือพ่อของเธอต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกสาวของเขาหายก่อนที่เชื้อจะลุกลามไปมากกว่านี้ จึงได้ออกเดินทางเพื่อไปขอให้ “บาทหลวงออกัสติน” รับบทโดย (โจ คัมมินส์) ช่วยเหลือในเรื่องการคิดค้นยาเพื่อรักษาซึ่งยายาตัวเดียวที่จะช่วยหยุดเชื้อนี้ก็คือว่านกระสือ และในระหว่างนั้นเองที่ทำให้สาวได้พบกับ “คลาว” รับบทโดย(เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) ลูกชายที่บาทหลวงรับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมเพราะความสงสารที่ร่างกายของเขามีความผิดปกติ และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทั้งคู่เกิดความรักแบบต่างสายพันธ์ที่จะร่วมกันต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาในชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล

 

Leave a Comment